ผู้บริโภคเริ่มหันมาสนใจการซื้อของผ่านอินเตอร์เน็ตมากขึ้น เนื่องจากสะดวก รวดเร็ว เพียงนั่งรอสินค้าอยู่ที่บ้านก็เหมือนได้ไปเลือกซื้อด้วยตนเองแล้ว อีกทั้งห้างสรรพสินค้าหลายแห่งเริ่มหันมารุกตลาดด้านนี้มากขึ้น และไม่เพียงแต่บริษัทใหญ่ๆเท่านั้น ทางด้านธุรกิจขนาดเล็กก็เริ่มเจาะกลุ่มตลาดลูกค้าออนไลน์กันมากขึ้น นั่นก็เพราะไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย และได้รับผลกำไรที่มากกว่า ไม่ต้องเสียเงินไปกับการเช่าที่ขายสินค้า
แต่อย่างไรก็ตามตลาดสินค้าออนไลน์เริ่มมีการแข่งขันที่สูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการหลายเจ้าเริ่มวางแผนการตลาดกันใหม่ รวมไปถึงธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องหาสินค้าที่ดึงดูดผู้บริโภค หรือไม่ซ้ำใครออกมานำเสนอให้กับผู้บริโภค ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ยากที่จะสรรหาสินค้าหรือรูปแบบการตลาดที่โดนใจ ทำให้เกิดการตัดราคากันขึ้น เพราะ การดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่ราคามีอิทธิพลสูง การตั้งราคากับภาพพจน์ของแบรนด์ การเพิ่มราคาอย่างโปร่งใส และการเพิ่มผลตอบแทนจากสินค้าคงคลัง ดูเหมือนว่าหัวข้อเหล่านี้จะเป็นงานที่รับมือลำบากทั้งสิ้น หากขาดการวางแผน นอกจากด้านราคาแล้วยังมีแผนการตลาดที่น่าสนใจมาแนะนำ ดังนี้
1.มีเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามา การตั้งราคาใหม่อาจจะต้องใช้งบประมาณและเวลาเป็นจำนวนมาก ดังนั้น การใช้ทรัพยากรออนไลน์จึงเป็นเรื่องที่พึงกระทำ เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มผลิตผลแล้ว ยังช่วยลดค่าบริหารจัดการอีกด้วย
2.ทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความคุ้มค่า ผู้ประกอบการควรใช้หลักจิตวิทยาในการตั้งราคาเพื่อสร้างกำไร ในเบื้องต้นอาจจะดูขัดกับหลักการสร้างกำไรของธุรกิจ ผู้ซื้อได้รับอิทธิพลจากการลดราคา การส่งสินค้าฟรีก็เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่ใช้ได้ผล
3.จัดการสินค้าในคลังให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะหากสินค้าขาดสต็อก มีความเป็นไปได้สูงถึง 77% ของลูกค้าที่จะเปลี่ยนไปซื้อกับคู่แข่งแทน ดังนั้นเราจำเป็นต้องรักษา 77% นี้ให้อยู่กับเรา
4.บริการที่ดี มีแนวโน้มว่าทำให้ลูกค้ากลับมาซื้ออีกครั้งกับร้านเดิม แม้ว่าจะตั้งราคาสูงกว่าร้านอื่น 66% ของผู้ซื้อ ต้องการซื้อเพิ่มอีกหากได้รับการบริการที่ดีจากทางร้าน
5.ตั้งราคาตามกลุ่มลูกค้า จะทำให้องค์กรสามารถกำหนดราคาสินค้าตามความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้ เพราะจะช่วยให้ผู้ประกอบการปฏิบัติต่อลูกค้าได้อย่างทันที ว่าสิ่งไหนเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนแปลงราคา